EDITORIAL / ท่อง A ถึง Z กับอาดิดาส ออริจินอลส์ “A-ZX”

ท่อง A ถึง Z กับอาดิดาส ออริจินอลส์ “A-ZX”

Update at 18 September 2020

การกลับมาของรองเท้าวิ่งสุดคลาสสิกที่ออกแบบโดยนักสร้างสรรค์จากทั่วโลก  

ถ้าไม่ยึดติดกับกระแสหลักจนเกินไป ปี 2020 นี้ก็เรียกว่าเป็นอีกปีที่มีอะไรให้เล่นกันหลากหลายเลยทีเดียว หนึ่งในนั้นก็คือการกลับมาของ “A-ZX” คอลเลคชั่นสุดพิเศษของ adidas Originals ที่ร่วมงานกับพาร์ทเนอร์ทั่วโลกหยิบรองเท้าในตระกูลZX มาออกแบบในสไตล์ของตัวเอง โดยพาร์ทเนอร์ทั้งหมดจะมีชื่อเรียงตามตัวอักษรจาก A-Z รวมแล้ว 26 รุ่น ทุกรุ่นผลิตจำนวนจำกัด และไม่มีการผลิตซ้ำ แต่ที่สำคัญกว่าคือแต่ละรุ่นมาในแนวคิดการออกแบบที่แตกต่างจากสนีกเกอร์ทั่วๆ ไป

ก่อนจะว่ากันถึง A-ZX มาว่ากันถึงรองเท้าในตระกูลนี้กันก่อนดีกว่า adidas “ZX” เป็นซีรี่ส์รองเท้าวิ่งที่สร้างสรรค์มาสำหรับนักวิ่งทุกสไตล์ และครอบคลุมการใช้งานทุกประเภท จะวิ่งมาราธอน วิ่งเทมโป วิ่งสปริ้นท์ หรือวิ่งเทรลก็มีรุ่นต่างๆ เท้าแบนหรือเท้ากว้าง มีให้เลือกครบ โปรเจกต์นี้เริ่มเกิดขึ้นในต้นยุค 80’ s โดยสองนักออกแบบ จาคส์ เชสซิ่ง (Jacques Chassaing) ซึ่งเป็น Design Concepts Director ของอาดิดาส และ มาร์คุส ทาเลอร์ (Markus Thaler) ตำแหน่ง Pattern Engineer นักวางแพทเทิร์น และสร้างรองเท้าต้นแบบ ทั้งคู่ทำงานเคียงข้างกับ แอดดิ ดาสเลอร์ (Adi Dassler) ผู้ก่อตั้งแบรนด์อาดิดาสมาตั้งแต่ยุค 70’ s เรียกว่ามีส่วนร่วมในรองเท้ารุ่นคลาสสิกของอาดิดาสแถบทั้งหมด ซึ่ง “ZX” เป็นโปรเจคต์แรกที่ทั้งคู่รับหน้าที่ดูแลทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน

Jacques Chassaing (ภาพ cr. Hanon)
Markus Thaler (ภาพ cr. Sneakerqueen)

หลักในการออกแบบซีรี่ส์ ZX คือการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบสนองการวิ่งยุคใหม่ ผสมผสานเข้ากับดีไซน์แบบอนุรักษ์นิยมของอาดิดาส ตัวรองเท้าเน้นวัสดุที่ทันสมัย และให้สัมผัสที่พรีเมียมที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ละรุ่นจะใช้ตัวเลขเป็นชื่อรุ่นเพื่อสื่อถึงคุณสมบัติที่แตกต่างกัน โดย ZX ในยุคแรกจะมีชื่อรุ่นหลักร้อยหรือ ZX 00 Series (hundred numbers) รุ่นแรกคือ “ZX 500” ออกวางจำหน่ายในปี 1984 มาในพื้นโฟม “Dual-Density EVA” เพื่อรองรับแรงกระแทกตามสรีระของเท้า ดีไซน์ของZX 00 ดูจะเจาะกลุ่มนักวิ่งที่ชอบอะไรคลาสสิกแต่มีเทคโนโลยีทันสมัย ใส่สบาย เข้ากับสไตลืของชุดกีฬาในยุคนั้น โดน ZX 00 ทำออกมารวมๆ แล้ว 20 รุ่นได้

adidas ZX 500
adidas ZX 500
adidas ZX500

ต่อมาในโอลิมปิกปี 1988 ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ จาคส์ และมาร์คุสใช้โอกาสนี้ในการเปิดตัว ZX ซีรี่ส์ใหม่ “000” Series ที่ใช้ชื่อรุ่นเป็นหลักพัน (Thousand numbers) มาใน 4 รุ่นที่มีแนวคิดการออกแบบสุดล้ำได้แก่ ZX5000 ,ZX7000 , ZX8000 และ ZX9000 จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีล่าสุดอย่าง “Torsion system” ที่ช่วยเสริมความมั่นคง และเพิ่มแรงดีดในการวิ่ง พื้นโฟม“Purolite” ที่มีน้ำหนักเบา ส่วน Upper จะเป็นหนังกลับสังเคราะห์ และผ้าไนลอนน้ำหนักเบา ใช้ความมั่นคงบริเวณส้นเท้าด้วย Heel Case ด้านหลัง ว่ากันว่าดีไซน์ของ ZX ยุคนี้คือการเขย่าวงการของจริง มันว่าจำหน่ายในราคาที่สูงลิบ แต่ก็ยังได้รับความนิยมสูง ZX 000 ถือว่าเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมมากในหมู่นักสะสม มันให้รูปทรงที่เหนือกาลเวลา ไม่ดูมากหรือน้อยเกินไป วัสดุทนทาน เราขึงเห็นอาดิดาสนำโมเดลในกลุ่มนี้มาผลิตใหม่ในแบบต่างๆ อยู่เสมอ ซึ่งแม้ในตลาดเมืองไทยจะไม่ได้มีกระแสนิยมมากนัก แต่ในยุโรปแล้วสามารถพบเห็น ZX 000 ในร้านรองเท้าเป็นปกติ และบางหลายๆ ร้านก็มักเก็บสต๊อก ZX 000 เอาไว้เพื่อให้ในร้านมีรองเท้ารุ่นนี้จำหน่ายเสมอ

จุดเด่นที่ทำให้ “ZX” ต่างจากรองเท้าวิ่งแบรนด์อื่นๆ คือการแบ่งรุ่นที่หลากหลายเจาะลึกถึงการใช้งานเฉพาะกลุ่ม ทุกรุ่นมีจุดเด่นแตกต่างกันอย่างเช่น ZX700 จะมีวัสดุพลาสติกช่วยล็อกส้นเท้าให้มั่นคงสำหรับการวิ่งทำความเร็วแบบ Interval , ZX710 จะครอบส้นเท้าด้วยวัสดุ PU เหมาะสำหรับนักวิ่งที่ลงส้น (heel strike) , ZX800 จะมี Encapsulated เป็นแกนพลาสติกผสมแทรกที่ Midsole เพื่อให้เสริมความมั่นคงเหมาะสำหรับการใส่ซ้อมวิ่ง ฯลฯ ความหลากหลายนี้ทำให้ ZX ขยายฐานลูกค้าที่กลุ่มเฉพาะได้กว้างมาก มีรูปทรงการออกแบบเรียบง่ายแต่สวมใส่สบายด้วยผ้าตาข่าย Nylon และให้สัมผัสหรูหราด้วยหนังกลับ มาพร้อมคู่สีที่ดูเรียบง่ายสามารถสวมใส่กับเสื้อผ้าในไลฟ์สไตล์ประจำวันก็ได้ ทำให้ ZX กลายเป็นรองเท้าสามัญประจำบ้านของคนยุโรป มันเข้าไปอยู่ใน Subcuture มากตั้งแต่ปลายยุค 80’ s – ต้นยุค 90’ s โดยเฉพาะในวงการเพลงเต้นของอังกฤษ ว่ากันว่าถ้าคุณเมาค้างอยู่ในปาร์ตี้ Rave คุณต้องเห็น ZX ย่ำไปย่ำมาแถวๆ นั้นแน่นอน นอกจากนี้ ZX ยังเป็นรองเท้าในเครื่องของ “Terracewear” สไตล์การแต่งตัวแบบแคชชวลของแฟนบอลชาวยุโรป พวกเขาต้องการรองเท้าที่หล่อและใส่ยืนเชียร์บอลบนอัฒจันทร์ได้ตลอดเกม ยิ่งพวกฮูลิแกนที่ชอบมีเรื่องนี่ใส่ ZX วิ่งตีกันประจำ

Patta x adidas Originals ZX 7000 (A-ZX 2008)
Neighborhood x adidas Originals ZX 700 Boat (A-ZX 2008)

ทีนี้มาถึง A-ZX กันบ้าง คอลเลคชั่นนี้เกิดขึ้นในปี 2008-2009 ซึ่งเป็นยุคที่สนีกเกอร์บูมสุดขีด การ Collaboration จัดเป็นของมันต้องมี และอยู่ดีๆ อาดิดาสก็เดินมาพร้อมกับ ZX 26 รุ่น โดย 22 รุ่นจะทำร่วมกับแบรนด์ และร้านรองเท้าระดับConsortium อย่างเช่น ALIFE Rivington Club ,DQM ,SneakersNStuff ,Undefeated , Patta , Neighborhood , CLOT ACU ฯลฯ และอีก 4 รุ่นเป็นดีไซน์พิเศษจากอาดิดาส งานนี้ทุกคนแถบจะสติแตก มันเจ๋งพอๆ กับตอน adidas Superstar 35th Anniversary เมื่อปี 2005 เลยทีเดียว ทุกรุ่นผลิตจำนวนจำกัด และบ้างรุ่นก็วางจำหน่ายเพียงไม่กี่แห่งในโลก ใครได้มากก็ไม่อยากปล่อย ราคาแต่ละรุ่นจึงพุ่งกระฉูด

12 ปีผ่านไป A-ZX กลับมาอีกครั้งกับคอนเซปต์เดิมแต่เพิ่มเติมความลึกล้ำในการออกแบบเอาไว้ โดยครั้งนี้จะโพกัสไปที่ซีรี่ส์ZX 000 ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่สนีกเกอรืเฮด ผู้มาร่วมงานมีทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ แต่ทุกคนล้วนเป็นที่สุดในแนวทางของตัวเอง การออกแบบครั้งนี้จึงเต็มไปด้วยความแปลกใหม่ ทั้ง 26 รุ่นจะทยอยวางจำหน่ายเป็นชุดๆ ชุดละ 6-7 รุ่นจนไปหมดที่ต้นปี2021 ซึ่งครั้งนี้อาดิดาส ออริจินอลส์ค่อนข้างเก็บความลับสุดๆ ค่อยๆ ปล่อยออกมาทีละรุ่นให้เราลุ้นว่าเดือนนี้รุ่นไหนจะออกมาโดยรุ่นที่เฉลยออกมาแล้วก็คือ “J” Junventus สโมสรฟุตบอลชื่อดัง มาในรุ่น ZX 6000 สีขาว/ดำตามชุดแข่งตัดกับเชือกรองเท้าจากสีชุดเยือน , “S” Superstar คือนำเอาภาพ Superstar รุ่นดั้งเดิมมาพิมพ์ลงไปบน ZX 8000 (คล้ายๆ กับงานของ RAF SIMONS ออกแบบใน Stan Smith) , “dH.” DeadHYPE ครีเอทีฟเอเจนซีจากเบอร์ลินออกแบบใน ZX 8000 ที่ลดทอนดีไซน์ลงให้มุมมองแบบมินิมอล , “At.” Atmos สนีกเกอร์สโตว์จากโตเกียวมาใน ZX 8000 “G-SNK” ใช้ลายหนังงูสีเขียวเรืองแสงในที่มืด และหนัง Horse Hair , “Np.” The National Park Foundation องค์กรพิทักษ์อุทยานแห่งชาติสหรัฐอเมริกามาใน ZX 5000 ที่ออกแบบมาในสไตล์กิจกรรมกลางแจ้งบุภายในด้วยผ้า CORDURA® , “C.” Concepts ร้านรองเท้าจากบอสตันหยิบ ZX9000 มาออกแบบภายใต้แรงบันดาลใจจากงานวิ่ง “บอสตัน มาราธอน” , “I.” IRAK กลุ่มศิลปินกราฟฟิตี้สุดเก๋าแห่งนิวยอร์กหยิบเอาดีไซน์ IRAK x Adidas EQT SPT จากปี 2008 มาออกแบบบน ZX 8000 GTX , “R” Retro OG ดีไซน์พิเศษจากอาดิดาสซึ่งหยิบ ZX 1000C ตัวเดียวที่เป็นรุ่นหลักหมื่นจากปี 1988 มาในสีและวัสดุดั้งเดิมแบบ Retro ส่วนอีก 2 รุ่นที่เปิดภาพมาบ้างแล้วก็คือ “L.” LEGO ของเล่นตัวต่อยอดนิยม มาใน ZX 8000 สีสันสดใสสไตล์เลโก้กับดีเทลตัวต่อที่สนุกสนาน

คงไม่ต้องอธิบายสรรพคุณอะไรมากสำหรับ ZX ถ้าเคบใส่คุณรู้อยู่แล้วถึงความเจ๋งของมัน แต่ถ้าใครยังไม่เคยลองบอกเลยว่านี่เป็นโอกาสที่ดีเพราะการที่จะมีรุ่น Collaboration ออกมาขายในไทยมีไม่บ่อยนัก พลาดแล้วพลาดเลย โดย “A-ZX” มีวางจำหน่ายในไทยที่ร้าน atmos , Canival และ adidas Originals Store บางแห่ง

“J.” ZX 6000 Junventusสโมสรฟุตบอลชื่อดังจากอิตาลี มาในวัสดุหนังระดับ Premium สีขาว/ดำตามชุดแข่ง ตัดกับเชือกรองเท้าสีส้ม มาพร้อมเชือกสำรองสีขาว และสีชมพู

“dH.” DeadHYPE ครีเอทีฟเอเจนซีจากเบอร์ลินออกแบบใน ZX 8000 ที่ลดทอนดีไซน์ลงให้มุมมองแบบมินิมอล

“C.” Concepts ร้านรองเท้าจากบอสตันหยิบ ZX9000 มาออกแบบภายใต้แรงบันดาลใจจากงานวิ่ง “บอสตัน มาราธอน” โดดเด่นด้วยวัสดุหนังสีเงินเมทัลลิคตัดด้วยคู่สีคลาสสิกอย่าง Tri-color ขาว/แดง/น้ำเงิน

“S.” Superstar ปีนี้เป็นปีที่ adidas Superstar ครบรอบ 50 ปี ใน A-ZX ครั้งนี้จึงทำการ Tribute iรุ่นพี่ด้วยการนำภาพSuperstar รุ่นดั้งเดิมมาพิมพ์ลงไปบน ZX 8000 ให้อารมณ์สไตล์วินเทจ

“At.” Atmos สนีกเกอร์สโตว์จากโตเกียวมาใน ZX 8000 “G-SNK” ใช้ลายหนังงูสีเขียวเรืองแสงในที่มืด และวัสดุขนสัตว์เทียม  

“I.” IRAK กลุ่มศิลปินกราฟฟิตี้สุดเก๋าแห่งนิวยอร์กหยิบเอาดีไซน์คู่สีจากรองเท้า IRAKx Adidas EQT SPT เมื่อปี 2008 มาออกแบบบน ZX 8000 GTX ใช้วัสดุหนังและมาพร้อมการกันน้ำจากผ้า GORE-TEX

“Np.” The National Park Foundation องค์กรพิทักษ์อุทยานแห่งชาติสหรัฐอเมริกามาใน ZX 5000 ที่ได้แรงบันดาลใจคู่สีจากอุทยาน Joshua Tree เน้นวัสดุสไตล์รองเท้ากิจกรรมกลางแจ้ง บุภายในด้วยผ้า CORDURA® และมีป้าย patch ที่ลิ้นรองเท้า

“R” Retro OG ดีไซน์พิเศษจากอาดิดาสซึ่งหยิบ ZX 1000C ตัวเดียวที่เป็นรุ่นหลักหมื่นจากปี 1988 มาในสีและวัสดุดั้งเดิมแบบ Retro ส่วนอีก 2 รุ่นที่เปิดภาพมาบ้างแล้วก็คือ “L.” LEGO ของเล่นตัวต่อยอดนิยม มาใน ZX 8000 ในสีสันสดใสสไตล์เลโก้กับดีเทลตัวต่อที่สนุกสนาน

“L.” LEGOของเล่นตัวต่อยอดนิยม มาใน ZX 8000 สีสันสดใสจากสีของโลโก้เลโก้ ตกแต่งด้วยดีเทลตัวต่อที่ดูสนุกสนาน


Content by
Kickznat

Lasted News More

CX TECHNOLOGY นวัตกรรมล่าสุดจาก CONVERSE

15 July 2021 CURATORS Team

SWATCH พาคุณพุ่งทะยานสู่จักรวาล

ด้วยแรงบันดาลใจที่ไร้ขีดจำกัดไปกับ “Space Collection” “The sky’s not the limit; dreams are”ไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้งไม่ให้คนไขว่คว้าฝันหรือทำสิ่งใดให้สำเร็จลงได้ก็เปรียบเสมือนท้องฟ้าที่ไม่เคยมีจุดสิ้นสุด บวกกับแนวคิดของ SWATCH ที่ว่า “Time is what you make of it” เวลาเป็นสิ่งที่คุณกำหนดได้เกิดเป็นแรงบันดาลในคอลเลคชั่นล่าสุด Swatch Space Collectionคอลเลคชั่นที่จะพาคุณพุ่งทะยานสู่จักรวาลและดวงดาว ถือเป็นการร่วมฉลองให้กับ NASA และก้าวต่อไปของ SWATCH กับนวัตกรรมวัสดุที่น่าหลงใหลอย่าง BIOCERAMICนาฬิกาสุดล้ำที่ผลิตมาจากเซรามิก 2/3 ส่วน และพลาสติกชีวภาพอีก 1/3 ส่วน กับสัมผัสที่นุ่มลื่นดุจผ้าไหมและให้ความรู้สึกเบา สบายเมื่อสวมใส่ โดยนาฬิกา 3 เรือนจาก 5 เรือนในคอลเลคชั่นนี้มีส่วนประกอบที่ผลิตมาจากวัสดุสังเคราะห์จากธรรมชาติบวกกับดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชุดอวกาศที่นักบินอวกาศของ NASA สวมใส่นั่นเอง มากันที่ 3 เรือนแรกกับโมเดลสุดฮิตอย่าง BIG BOLDที่ตัวเรือนผลิตมาจากนวัตกรรมวัสดุ BIOCERAMIC ด้วยหน้าปัดขนาด 47 มม. ที่ถูกดีไซน์มาให้โค้งรับกับข้อมือของผู้สวมใส่ทุกขนาดบวกกับแรงบันดาลใจของแต่ละรุ่นที่บอกเลยว่าไม่มีไม่ได้แล้ว! เริ่มกันที่เรือนแรกสีขาวสะดุดตากับ BIG BOLD CHRONO EXTRAVEHICULAR นาฬิกาที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชุดอวกาศสีขาวที่ใช้สวมใส่สำหรับการทำภารกิจนอกตัวยานเป็นสัญลักษณ์ที่ทุกคนคุ้นตาเป็นอย่างดีชุดอวกาศสีขาวนี้ถูกสวมใส่ครั้งแรกในปี 1983 โดยนักบินอวกาศของ NASA, Story Musgrave และ Donald Peterson สีขาวของชุดทำให้มองเห็นได้ชัดเมื่ออยู่ในอวกาศช่วยสะท้อนแสง และไม่ดูดซึมความร้อนจากดวงอาทิตย์มากเกินไป ซึ่งเป็นการปกป้องพวกเขาจากรังสีของดวงอาทิตย์นั้นเองดีไซน์สุดพิเศษกับไฮไลท์สีแดง สำหรับการนับถอยหลังช่วง 10 วินาทีสุดท้าย ขอบหน้าปัดเรืองแสง และถือเป็นรุ่นเดียวใน Space Collection ที่มีหน้าต่างวันที่ อยู่ที่ตำแหน่ง 4 นาฬิกา ต่อกันที่นาฬิกาเรือนที่สองกับ BIG BOLD CHRONO LAUNCH สีส้มสุดจี๊ดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากชุดนักบินอวกาศ The Orange Advanced Crew Escape Suit ใช้สวมใส่ขณะที่ยานถูกปล่อยขึ้น และยังเป็นที่มาของชื่อรุ่นว่า “Launch” อีกด้วย โดดเด่นกับหน้าปัดสีเงินที่ให้ความสว่างและง่ายต่อการบอกเวลาเพิ่มลูกเล่นด้วยไฮไลท์สีแดงสำหรับการนับถอยหลังช่วง 10 […]

11 June 2021 Kickznat

Patta x Tommy collection Exclusive only 24 Kilates

สิ้นสุดการรอคอย! สุดยอดงาน Collabsกันครั้งแรก ระหว่าง Patta และ Tommy Jeans กับการนำเสนอมุมมองโดย Filmmaker,Director จาก Nigeria นั้นคือ Dafe Oboro ที่เคยร่วมงานกับ Miu Miu และยังเคยกำกับหนังสั้นกับ Beyonce มาแล้วในชื่อ Black is King ในปี 2020 กับการเล่าผ่าน Pan-Africanism Flag เสมือนองค์กรที่เชื่อมโยง ผู้คน เรื่องราว ความเชื่อ วัฒนธรรม ประเพณีสิ่งต่างๆ ของ Black Community คนเชื้อสายแอฟริกันกลุ่มพื้นเมืองและคนพลัดถิ่นทั้งในอเมริกา และยุโรป อีกทั้งยังเป็นเครื่องหมายการต่อต้านการค้าทาสในอันอดีตแสนขมขื่นกับอดีตกาลและยังกล่าวถึงผู้คนเชื้อสายแอฟริกันทั้งหมดนั้นไม่ว่าจากชนชาติใดก็ตามในทวีปแอฟริกาทั้งหมดนั้นเราคือครอบครัวที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และมอบความรักต่อกันไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนาใดก็ตามเราจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียวแรงบันดาลมาจากคู่สี Tommy Flag Logo ที่ทดแทนด้วยสีของ Pan-African Flag ในโทน แดง ดำ เขียว ที่ใส่บนตัวเสื้อผ้า จัดเต็มแบบ Full Collection ทั้ง T-Shirt,Sweater,Hoodie & Cap พร้อมความพิเศษกับคอลเลคชั่นนี้กับ Donation ในการช่วยเหลือให้กับผู้พลัดถิ่นของคนแอฟริกันทั่วโลกที่จะแบ่งปันให้แก่กันนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดกับคำนิยามว่า Love For All

19 May 2021 Kickznat

SEE MORE