EDITORIAL / ท่อง A ถึง Z กับอาดิดาส ออริจินอลส์ “A-ZX”
การกลับมาของรองเท้าวิ่งสุดคลาสสิกที่ออกแบบโดยนักสร้างสรรค์จากทั่วโลก
ถ้าไม่ยึดติดกับกระแสหลักจนเกินไป ปี 2020 นี้ก็เรียกว่าเป็นอีกปีที่มีอะไรให้เล่นกันหลากหลายเลยทีเดียว หนึ่งในนั้นก็คือการกลับมาของ “A-ZX” คอลเลคชั่นสุดพิเศษของ adidas Originals ที่ร่วมงานกับพาร์ทเนอร์ทั่วโลกหยิบรองเท้าในตระกูลZX มาออกแบบในสไตล์ของตัวเอง โดยพาร์ทเนอร์ทั้งหมดจะมีชื่อเรียงตามตัวอักษรจาก A-Z รวมแล้ว 26 รุ่น ทุกรุ่นผลิตจำนวนจำกัด และไม่มีการผลิตซ้ำ แต่ที่สำคัญกว่าคือแต่ละรุ่นมาในแนวคิดการออกแบบที่แตกต่างจากสนีกเกอร์ทั่วๆ ไป
ก่อนจะว่ากันถึง A-ZX มาว่ากันถึงรองเท้าในตระกูลนี้กันก่อนดีกว่า adidas “ZX” เป็นซีรี่ส์รองเท้าวิ่งที่สร้างสรรค์มาสำหรับนักวิ่งทุกสไตล์ และครอบคลุมการใช้งานทุกประเภท จะวิ่งมาราธอน วิ่งเทมโป วิ่งสปริ้นท์ หรือวิ่งเทรลก็มีรุ่นต่างๆ เท้าแบนหรือเท้ากว้าง มีให้เลือกครบ โปรเจกต์นี้เริ่มเกิดขึ้นในต้นยุค 80’ s โดยสองนักออกแบบ จาคส์ เชสซิ่ง (Jacques Chassaing) ซึ่งเป็น Design Concepts Director ของอาดิดาส และ มาร์คุส ทาเลอร์ (Markus Thaler) ตำแหน่ง Pattern Engineer นักวางแพทเทิร์น และสร้างรองเท้าต้นแบบ ทั้งคู่ทำงานเคียงข้างกับ แอดดิ ดาสเลอร์ (Adi Dassler) ผู้ก่อตั้งแบรนด์อาดิดาสมาตั้งแต่ยุค 70’ s เรียกว่ามีส่วนร่วมในรองเท้ารุ่นคลาสสิกของอาดิดาสแถบทั้งหมด ซึ่ง “ZX” เป็นโปรเจคต์แรกที่ทั้งคู่รับหน้าที่ดูแลทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน
หลักในการออกแบบซีรี่ส์ ZX คือการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบสนองการวิ่งยุคใหม่ ผสมผสานเข้ากับดีไซน์แบบอนุรักษ์นิยมของอาดิดาส ตัวรองเท้าเน้นวัสดุที่ทันสมัย และให้สัมผัสที่พรีเมียมที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ละรุ่นจะใช้ตัวเลขเป็นชื่อรุ่นเพื่อสื่อถึงคุณสมบัติที่แตกต่างกัน โดย ZX ในยุคแรกจะมีชื่อรุ่นหลักร้อยหรือ ZX 00 Series (hundred numbers) รุ่นแรกคือ “ZX 500” ออกวางจำหน่ายในปี 1984 มาในพื้นโฟม “Dual-Density EVA” เพื่อรองรับแรงกระแทกตามสรีระของเท้า ดีไซน์ของZX 00 ดูจะเจาะกลุ่มนักวิ่งที่ชอบอะไรคลาสสิกแต่มีเทคโนโลยีทันสมัย ใส่สบาย เข้ากับสไตลืของชุดกีฬาในยุคนั้น โดน ZX 00 ทำออกมารวมๆ แล้ว 20 รุ่นได้
ต่อมาในโอลิมปิกปี 1988 ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ จาคส์ และมาร์คุสใช้โอกาสนี้ในการเปิดตัว ZX ซีรี่ส์ใหม่ “000” Series ที่ใช้ชื่อรุ่นเป็นหลักพัน (Thousand numbers) มาใน 4 รุ่นที่มีแนวคิดการออกแบบสุดล้ำได้แก่ ZX5000 ,ZX7000 , ZX8000 และ ZX9000 จัดเต็มด้วยเทคโนโลยีล่าสุดอย่าง “Torsion system” ที่ช่วยเสริมความมั่นคง และเพิ่มแรงดีดในการวิ่ง พื้นโฟม“Purolite” ที่มีน้ำหนักเบา ส่วน Upper จะเป็นหนังกลับสังเคราะห์ และผ้าไนลอนน้ำหนักเบา ใช้ความมั่นคงบริเวณส้นเท้าด้วย Heel Case ด้านหลัง ว่ากันว่าดีไซน์ของ ZX ยุคนี้คือการเขย่าวงการของจริง มันว่าจำหน่ายในราคาที่สูงลิบ แต่ก็ยังได้รับความนิยมสูง ZX 000 ถือว่าเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมมากในหมู่นักสะสม มันให้รูปทรงที่เหนือกาลเวลา ไม่ดูมากหรือน้อยเกินไป วัสดุทนทาน เราขึงเห็นอาดิดาสนำโมเดลในกลุ่มนี้มาผลิตใหม่ในแบบต่างๆ อยู่เสมอ ซึ่งแม้ในตลาดเมืองไทยจะไม่ได้มีกระแสนิยมมากนัก แต่ในยุโรปแล้วสามารถพบเห็น ZX 000 ในร้านรองเท้าเป็นปกติ และบางหลายๆ ร้านก็มักเก็บสต๊อก ZX 000 เอาไว้เพื่อให้ในร้านมีรองเท้ารุ่นนี้จำหน่ายเสมอ
จุดเด่นที่ทำให้ “ZX” ต่างจากรองเท้าวิ่งแบรนด์อื่นๆ คือการแบ่งรุ่นที่หลากหลายเจาะลึกถึงการใช้งานเฉพาะกลุ่ม ทุกรุ่นมีจุดเด่นแตกต่างกันอย่างเช่น ZX700 จะมีวัสดุพลาสติกช่วยล็อกส้นเท้าให้มั่นคงสำหรับการวิ่งทำความเร็วแบบ Interval , ZX710 จะครอบส้นเท้าด้วยวัสดุ PU เหมาะสำหรับนักวิ่งที่ลงส้น (heel strike) , ZX800 จะมี Encapsulated เป็นแกนพลาสติกผสมแทรกที่ Midsole เพื่อให้เสริมความมั่นคงเหมาะสำหรับการใส่ซ้อมวิ่ง ฯลฯ ความหลากหลายนี้ทำให้ ZX ขยายฐานลูกค้าที่กลุ่มเฉพาะได้กว้างมาก มีรูปทรงการออกแบบเรียบง่ายแต่สวมใส่สบายด้วยผ้าตาข่าย Nylon และให้สัมผัสหรูหราด้วยหนังกลับ มาพร้อมคู่สีที่ดูเรียบง่ายสามารถสวมใส่กับเสื้อผ้าในไลฟ์สไตล์ประจำวันก็ได้ ทำให้ ZX กลายเป็นรองเท้าสามัญประจำบ้านของคนยุโรป มันเข้าไปอยู่ใน Subcuture มากตั้งแต่ปลายยุค 80’ s – ต้นยุค 90’ s โดยเฉพาะในวงการเพลงเต้นของอังกฤษ ว่ากันว่าถ้าคุณเมาค้างอยู่ในปาร์ตี้ Rave คุณต้องเห็น ZX ย่ำไปย่ำมาแถวๆ นั้นแน่นอน นอกจากนี้ ZX ยังเป็นรองเท้าในเครื่องของ “Terracewear” สไตล์การแต่งตัวแบบแคชชวลของแฟนบอลชาวยุโรป พวกเขาต้องการรองเท้าที่หล่อและใส่ยืนเชียร์บอลบนอัฒจันทร์ได้ตลอดเกม ยิ่งพวกฮูลิแกนที่ชอบมีเรื่องนี่ใส่ ZX วิ่งตีกันประจำ
ทีนี้มาถึง A-ZX กันบ้าง คอลเลคชั่นนี้เกิดขึ้นในปี 2008-2009 ซึ่งเป็นยุคที่สนีกเกอร์บูมสุดขีด การ Collaboration จัดเป็นของมันต้องมี และอยู่ดีๆ อาดิดาสก็เดินมาพร้อมกับ ZX 26 รุ่น โดย 22 รุ่นจะทำร่วมกับแบรนด์ และร้านรองเท้าระดับConsortium อย่างเช่น ALIFE Rivington Club ,DQM ,SneakersNStuff ,Undefeated , Patta , Neighborhood , CLOT ACU ฯลฯ และอีก 4 รุ่นเป็นดีไซน์พิเศษจากอาดิดาส งานนี้ทุกคนแถบจะสติแตก มันเจ๋งพอๆ กับตอน adidas Superstar 35th Anniversary เมื่อปี 2005 เลยทีเดียว ทุกรุ่นผลิตจำนวนจำกัด และบ้างรุ่นก็วางจำหน่ายเพียงไม่กี่แห่งในโลก ใครได้มากก็ไม่อยากปล่อย ราคาแต่ละรุ่นจึงพุ่งกระฉูด
12 ปีผ่านไป A-ZX กลับมาอีกครั้งกับคอนเซปต์เดิมแต่เพิ่มเติมความลึกล้ำในการออกแบบเอาไว้ โดยครั้งนี้จะโพกัสไปที่ซีรี่ส์ZX 000 ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่สนีกเกอรืเฮด ผู้มาร่วมงานมีทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ แต่ทุกคนล้วนเป็นที่สุดในแนวทางของตัวเอง การออกแบบครั้งนี้จึงเต็มไปด้วยความแปลกใหม่ ทั้ง 26 รุ่นจะทยอยวางจำหน่ายเป็นชุดๆ ชุดละ 6-7 รุ่นจนไปหมดที่ต้นปี2021 ซึ่งครั้งนี้อาดิดาส ออริจินอลส์ค่อนข้างเก็บความลับสุดๆ ค่อยๆ ปล่อยออกมาทีละรุ่นให้เราลุ้นว่าเดือนนี้รุ่นไหนจะออกมาโดยรุ่นที่เฉลยออกมาแล้วก็คือ “J” Junventus สโมสรฟุตบอลชื่อดัง มาในรุ่น ZX 6000 สีขาว/ดำตามชุดแข่งตัดกับเชือกรองเท้าจากสีชุดเยือน , “S” Superstar คือนำเอาภาพ Superstar รุ่นดั้งเดิมมาพิมพ์ลงไปบน ZX 8000 (คล้ายๆ กับงานของ RAF SIMONS ออกแบบใน Stan Smith) , “dH.” DeadHYPE ครีเอทีฟเอเจนซีจากเบอร์ลินออกแบบใน ZX 8000 ที่ลดทอนดีไซน์ลงให้มุมมองแบบมินิมอล , “At.” Atmos สนีกเกอร์สโตว์จากโตเกียวมาใน ZX 8000 “G-SNK” ใช้ลายหนังงูสีเขียวเรืองแสงในที่มืด และหนัง Horse Hair , “Np.” The National Park Foundation องค์กรพิทักษ์อุทยานแห่งชาติสหรัฐอเมริกามาใน ZX 5000 ที่ออกแบบมาในสไตล์กิจกรรมกลางแจ้งบุภายในด้วยผ้า CORDURA® , “C.” Concepts ร้านรองเท้าจากบอสตันหยิบ ZX9000 มาออกแบบภายใต้แรงบันดาลใจจากงานวิ่ง “บอสตัน มาราธอน” , “I.” IRAK กลุ่มศิลปินกราฟฟิตี้สุดเก๋าแห่งนิวยอร์กหยิบเอาดีไซน์ IRAK x Adidas EQT SPT จากปี 2008 มาออกแบบบน ZX 8000 GTX , “R” Retro OG ดีไซน์พิเศษจากอาดิดาสซึ่งหยิบ ZX 1000C ตัวเดียวที่เป็นรุ่นหลักหมื่นจากปี 1988 มาในสีและวัสดุดั้งเดิมแบบ Retro ส่วนอีก 2 รุ่นที่เปิดภาพมาบ้างแล้วก็คือ “L.” LEGO ของเล่นตัวต่อยอดนิยม มาใน ZX 8000 สีสันสดใสสไตล์เลโก้กับดีเทลตัวต่อที่สนุกสนาน
คงไม่ต้องอธิบายสรรพคุณอะไรมากสำหรับ ZX ถ้าเคบใส่คุณรู้อยู่แล้วถึงความเจ๋งของมัน แต่ถ้าใครยังไม่เคยลองบอกเลยว่านี่เป็นโอกาสที่ดีเพราะการที่จะมีรุ่น Collaboration ออกมาขายในไทยมีไม่บ่อยนัก พลาดแล้วพลาดเลย โดย “A-ZX” มีวางจำหน่ายในไทยที่ร้าน atmos , Canival และ adidas Originals Store บางแห่ง
“J.” ZX 6000 Junventusสโมสรฟุตบอลชื่อดังจากอิตาลี มาในวัสดุหนังระดับ Premium สีขาว/ดำตามชุดแข่ง ตัดกับเชือกรองเท้าสีส้ม มาพร้อมเชือกสำรองสีขาว และสีชมพู
“dH.” DeadHYPE ครีเอทีฟเอเจนซีจากเบอร์ลินออกแบบใน ZX 8000 ที่ลดทอนดีไซน์ลงให้มุมมองแบบมินิมอล
“C.” Concepts ร้านรองเท้าจากบอสตันหยิบ ZX9000 มาออกแบบภายใต้แรงบันดาลใจจากงานวิ่ง “บอสตัน มาราธอน” โดดเด่นด้วยวัสดุหนังสีเงินเมทัลลิคตัดด้วยคู่สีคลาสสิกอย่าง Tri-color ขาว/แดง/น้ำเงิน
“S.” Superstar ปีนี้เป็นปีที่ adidas Superstar ครบรอบ 50 ปี ใน A-ZX ครั้งนี้จึงทำการ Tribute iรุ่นพี่ด้วยการนำภาพSuperstar รุ่นดั้งเดิมมาพิมพ์ลงไปบน ZX 8000 ให้อารมณ์สไตล์วินเทจ
“At.” Atmos สนีกเกอร์สโตว์จากโตเกียวมาใน ZX 8000 “G-SNK” ใช้ลายหนังงูสีเขียวเรืองแสงในที่มืด และวัสดุขนสัตว์เทียม
“I.” IRAK กลุ่มศิลปินกราฟฟิตี้สุดเก๋าแห่งนิวยอร์กหยิบเอาดีไซน์คู่สีจากรองเท้า IRAKx Adidas EQT SPT เมื่อปี 2008 มาออกแบบบน ZX 8000 GTX ใช้วัสดุหนังและมาพร้อมการกันน้ำจากผ้า GORE-TEX
“Np.” The National Park Foundation องค์กรพิทักษ์อุทยานแห่งชาติสหรัฐอเมริกามาใน ZX 5000 ที่ได้แรงบันดาลใจคู่สีจากอุทยาน Joshua Tree เน้นวัสดุสไตล์รองเท้ากิจกรรมกลางแจ้ง บุภายในด้วยผ้า CORDURA® และมีป้าย patch ที่ลิ้นรองเท้า
“R” Retro OG ดีไซน์พิเศษจากอาดิดาสซึ่งหยิบ ZX 1000C ตัวเดียวที่เป็นรุ่นหลักหมื่นจากปี 1988 มาในสีและวัสดุดั้งเดิมแบบ Retro ส่วนอีก 2 รุ่นที่เปิดภาพมาบ้างแล้วก็คือ “L.” LEGO ของเล่นตัวต่อยอดนิยม มาใน ZX 8000 ในสีสันสดใสสไตล์เลโก้กับดีเทลตัวต่อที่สนุกสนาน
“L.” LEGOของเล่นตัวต่อยอดนิยม มาใน ZX 8000 สีสันสดใสจากสีของโลโก้เลโก้ ตกแต่งด้วยดีเทลตัวต่อที่ดูสนุกสนาน